พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2558
วันที่ 4 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการโดยมีชื่อเต็มๆว่า
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2)ปี 2558
เพื่อป้องกันการนำข้อมูลในโซเชียลมีเดียของคนอื่นไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์โดยไม่ให้เครดิต
ถือเป็นการลงโทษนักก๊อปปี้ นักแชร์ข้อมูลก็ว่าได้ โดย
สาระสำคัญของการแก้ไขพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฉบับใหม่นี้กำหนดอัตราโทษนักก๊อบปี้นักแชร์ทั้งหลายที่ไม่ให้เครดิตเจ้าของผลงานปรับ
1 หมื่น-1 แสนบาท หากกระทำเพื่อการค้ามีโทษปรับตั้งแต่ 5 หมื่น-4
แสนบาทและเพิ่มเติมมา8ประเด็นสำคัญใน พ.ร.บ.ด้วย
1.คุ้มครองสิทธิของตนเองไม่ให้คนอี่นมาลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลเกี่ยวกับชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์
2.คุ้มครองงานลิขสิทธิ์ที่เจ้าของใส่พาสเวิร์ดเอาไว้หากมีการเจาะข้อมูลจะถือว่ามีความผิด
3.กรณีทำซ้ำชั่วคราว เช่น
ดูหนังฟังเพลง ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
4.เจ้าของลิขสิทธิ์ร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเอาไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากเว็บไซต์ได้
5.การขายภาพเขียน หนังสือ
ที่มีลิขสิทธิ์ ไม่ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่ถ้าเป็นซีดีเพลง ซีดีภาพยนตร์
แม้ไม่ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวิดีทัศน์ด้วย
6.เพิ่มสิทธินักแสดงโดยให้มีสิทธิระบุชื่อตนในการแสดงที่ตนได้แสดง
และห้ามไม่ให้บุคคลใดกระทำต่อการแสดงของตนจนทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ
7.ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้ละเมิดจ่ายค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไม่เกินสองเท่าของค่าเสียหาย
และ 8.ศาลมีอำนาจสั่งริบหรือทำลายสิ่งที่ได้ใช้ในการกระทำละเมิด
และสิ่งที่ได้ทำขึ้นหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงได้
รูปในเน็ตใช้อย่างไรไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยเนื้อหานั้นอธิบายแบ่งเป็นสองส่วน
ละเมิดและไม่ละเมิด
โดยส่วนที่เป็นการละเมิดนั้น
ส่วนใหญ่คือนำข้อมูล รูปภาพไปทำประโยชน์ทางการค้า นำมาซึ่งรายได้ เช่น
ไปสกรีนเป็นลายเสื้อแล้ว ทำเว็บไซต์บริษัท องค์กร ร้านค้า
หรือเว็บอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดรายได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของรวมไปถึงนำไปประกอบบทความ
ก๊อปปี้จาก facebook คนอื่นมาไว้ของตัวเองแล้วตัดเครดิตออกไม่ใช้เครดิตหรือนำมาตัดต่อหารายได้เข้าข่ายละเมิดเช่นกัน
แล้วทำอย่างไรถึงจะไม่ถือว่าเป็นการละเมิด ก็อย่างเช่น ใช้ทำ presentation ใช้ในการประชุมภายในองค์กร
ประกอบรายงานส่งอาจารย์ เนื้อหาการเรียนโดยไม่เกิดรายได้
แต่ต้องให้เครดิตภาพแหล่งที่มาด้วย หรือถ้าเอาใช้เป็น wallpaper หน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนตัวอันนี้ได้ไม่ถือว่าละเมิด
หรือไปกด like กดแชร์ ติชม
รูปก็ได้เช่นกันเพราะไม่ก่อให้มีรายได้ขึ้นมา
หรือสุดท้ายทางที่ดีปลอดภัยที่สุดถ้าต้องการใช้ข้อมูลรูปภาพนั้นจริงๆ
ก็ตกลงกับเจ้าของข้อมูลเลยค่ะโดยกำหนดเงื่อนไขระหว่างกัน
ประการแรก
มาดูเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ก่อนว่า ละเมิดลิขสิทธ์คืออะไร ตามภาพนี้ก็คือ
การนำเอาภาพ บทความ คลิป หรือสิ่งต่างๆ ที่เป็นผลงานของคนอื่นมา ทำซ้ำ ดัดแปลง
แก้ไข และเผยต่อสาธารณชน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานก่อน (หมายความว่า
ถ้าได้รับการอนุญาตก็ไม่ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์)
บทลงโทษ ค่อนข้างแรง ค่าปรับสูง โดยเฉพาะถ้าเอาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ก็จะยิ่งสูงขึ้น
นี่คือคำตอบของคนที่ใช้ Facebook บ่อยๆ
แชร์ไปเถอะถ้าเราไม่ได้นำไปทำธุรกิจ หรือขายสินค้า
แต่ต้องบอกที่มาที่ไปหน่อยนะครับว่า รูป บทความ ของใครจากไหน
เรื่องการแปะคลิป เช่น ใน Youtube ต้องดูว่าเขาอนุญาตหรือไม่
ทางที่ดี ขออนุญาตก่อน หรือไม่ก็ capture รูปมาลงแล้วใส่ลิงค์ไปที่คลิปเขาจะดีกว่า
ถ้าเป็นคลิปจาก Facebook เอาไปแชร์ก็ต้องให้เครดิต
สำหรับเนื้อหาที่แปลจากต่างประเทศ ถ้าเป็นข่าว ไม่ผิด
แต่ถ้าเป็นบทความ แปลคำต่อคำ ถือว่าผิด แต่เรียบเรียงใหม่ไม่ผิด และเขียนใน
บล็อกส่วนตัว ไม่มีแบนเนอร์ไม่ผิด แต่ถ้าติดแบนเนอร์ มีรายได้
ถือว่าใช้ในเชิงพาณิชย์ถือว่าผิด
No comments:
Post a Comment